ปฏิกิริยาต่อผลงาน ของ อ็องรี รูโซ

ลักษณะการวาดของรูโซที่ดูราบและที่มีลักษณะเหมือนวาดโดยเด็กทำให้ได้รับการวิจารณ์ และมักทำให้ผู้ดูออกจะตกตลึง หรือเย้ยหยัน[5][10] นักวิจารณ์กล่าวว่าแม้ว่าจะมีลักษณะที่ดูง่ายคล้ายการเขียนของเด็ก แต่ก็เป็นลักษณะที่แสดงความมีความสามารถสูง (sophistication) ในการเขียนลักษณะดังกล่าว[3][5]

สิงโตหิวกระโจนงับแอนทิโลป”, ค.ศ. 1905

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 รูโซก็แสดงผลงานอย่างสม่ำเสมอที่สมาคมศิลปินอิสระ แม้ว่าในปีแรก ๆ ภาพเขียนจะไม่ได้รับการตั้งแสดงในที่เด่น แต่งานของรูโซก็มีผู้นิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ “เสือตื่นเหยื่อ” แสดงในปี ค.ศ. 1891 เมื่อได้รับการวิพากษ์อย่างจริงจังเป็นครั้งแรกโดยเฟลิกซ์ วาลโลต์ตองผู้กล่าวว่า: “ภาพ “เสือตื่นเหยื่อ” ไม่ควรจะเป็นภาพที่ผู้ดูพลาดจากการชม ภาพนี้เป็นทั้งภาพแรกและภาพสุดท้าย” แต่กระนั้นก็ยังเป็นเวลาอีกกว่าสิบปีก่อนที่รูโซจะหันกลับมาวาดภาพป่าดงดิบอีก[8]

ในปี ค.ศ. 1893 รูโซย้ายห้องเขียนภาพไปยังมงปาร์นัสที่รูโซพำนักและทำงานจนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1910[11] ระหว่าง ค.ศ. 1897 รูโซเขียนงานชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งชื่อ “ยิบซีหลับ” (La Bohémienne endormie)

ระหว่างปี ค.ศ. 1905 ภาพ “สิงโตหิวกระโจนงับแอนตีโลพ” ได้รับการแสดงที่สมาคมศิลปินอิสระเคียงข้างกับงานของจิตรกรอาวองการ์ดชั้นนำเช่นอ็องรี มาติสซึ่งถือกันว่าเป็นปีแรกที่มีการแสดงภาพเขียนของลัทธิโฟวิสต์ ซึ่งภาพเขียนของรูโซอาจจะมีอิทธิพลต่อการตั้งชื่อลัทธิก็เป็นได้[8]

“หมองู” ค.ศ. 1907

ในปี ค.ศ. 1907 รูโซได้รับจ้างโดยเบิร์ทเธอคองเทส เดอ โลเนย์มารดาของจิตรกรโรแบร์ต เดอโลเนย์ให้เขียนภาพ “หมองู” (The Snake Charmer)

เมื่อบังเอิญไปเห็นภาพเขียนโดยรูโซถูกขายอยู่ตามถนนเพื่อจะเอาผ้าใบไปเขียนทับเป็นภาพใหม่ ปาโบล ปีกัสโซก็ทราบถึงคุณค่าของงานของรูโซทันทีและได้ไปทำความรู้จักกับรูโซ ในปี ค.ศ. 1908 ปีกัสโซก็จัดงานเลี้ยงกึ่งเป็นจริงเป็นจังในห้องเขียนภาพใน “Le Bateau-Lavoir” เพื่อเป็นเกียรติแก่รูโซ

หลังจากปลดเกษียณในปี ค.ศ. 1893 รูโซก็หารายได้เพิ่มเงินบำนาญจำนวนเล็กน้อยโดยการเล่นไวโอลินตามถนน และทำงานอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ “Le petit journal” ที่ได้มีโอกาสเขียนภาพหน้าปกหลายภาพ[8]

“ความฝัน” ค.ศ. 1910

รูโซเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1910 ในโรงพยาบาลในกรุงปารีส ผู้ไปงานศพก็มีเพื่อนเจ็ดคนที่รวมทั้งจิตรกรพอล ซียัค และ มานูเอล ออร์ทีซ เดอ ซาราต, โรแบร์ต เดอโลเนย์ และภรรยา ซอนยา เดอโลเนย์, ประติมากรคอนสแตนติน บรังคูซิ, เจ้าของบ้าน อาร์มองด์ เควาล และ กีโยม อาโปลีแนร์ ผู้เขียนบทอนุสรณ์สำหรับหินบนหลุมศพว่า:

“We salute you
Gentle Rousseau you can hear us
Delaunay his wife Monsieur Queval and myself
Let our luggage pass duty free through the gates
of heaven
We will bring you brushes paints and canvas
That you may spend your sacred leisure in the
light of truth Painting
as you once did my portrait
Facing the stars
lion and the gypsy”

แหล่งที่มา

WikiPedia: อ็องรี รูโซ http://books.google.ca/books?id=K0Own6x4qxMC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=K0Own6x4qxMC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=K0Own6x4qxMC&pg=PA... http://www.nytimes.com/2006/07/14/arts/design/14ro... http://www.nga.gov/exhibitions/2006/rousseau/index... http://www.nga.gov/kids/linkrousseau.htm http://www.henrirousseau.info/ http://www.kirikou.net/teachers.html http://www.guggenheimcollection.org/site/artist_bi... http://www.guggenheimcollection.org/site/movement_...